ข่าวประจำวัน » #จับกุมยาเสพติด ! ผบช.ภ.5 / แม่ทัพน้อยที่ 3 / ผอ.ปปส.ภ.5 แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ

#จับกุมยาเสพติด ! ผบช.ภ.5 / แม่ทัพน้อยที่ 3 / ผอ.ปปส.ภ.5 แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ

27 October 2021
489   0

วันพุธที่ 27 ตุลาคม 2564 เวลา 08.30 น. ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหา ยาเสพติด ในทุกมิติ
ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ปปส., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง จเร ตร.(สบ.9) และ พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ มทภ.๓/ผอ.ศป.บส.ชน. ได้รับบัญชานำข้อสั่งการไปสู่การปฏิบัติ ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร, พล.ต.ต. บัณฑิต ตุงคะเศรณี, พล.ต.ต. ยุทธชัย พัวประเสริฐ, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก.ภ.จว.แพร่ และ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5
ฝ่ายทหาร โดย พล.ท.บุญยืน อินกว่าง มทน.3/ผบ.ศป.บส.ชน., พล.ต.จรัส ปัญญาดี รอง ผบ.ศป.บส.ชน.(1)
ฝ่ายปกครอง โดยนายสมหวัง พ่วงบางโพ ผวจ.แพร่ สำนักงาน ปปส.ภาค 5 โดย นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส. ภาค 5, นายดนุชา ไชยวงศ์ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย ปปส.ภาค 5 แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญผู้ต้องหา 1 คน,ของกลาง ยาบ้า ประมาณ 5,000,000 เม็ด และรถยนต์ จำนวน 1 คัน หน่วยจับกุม กก.สส.ภ.จว.แพร่, สภ.ห้วยไร่ จับกุม เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2564 เวลา 06.30 น. ด่านตรวจห้วยไร่ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ผู้ต้องหานายประจวบ วิสุทธิ์บัณฑิต อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ของกลาง ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน จำนวน 26 กระสอบ รวมประมาณ 5,000,000 เม็ด รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนทอง หมายเลขทะเบียน กบ 961 เชียงราย โทรศัพท์มือถือยี่ห้อวีโว่1914 จำนวน 1 เครื่อง ข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย

สืบเนื่องเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.ห้วยไร่ นำกำลังตั้ง ด่านตรวจห้วยไร่ เพื่อตรวจค้นจับกุมยาเสพติดให้โทษและสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ จนกระทั่งถึงเวลา 02.52น. ได้มีรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน ขับขี่เข้ามาที่ด่านตรวจ ห้วยไร่ด้วยกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ได้เรียกให้หยุดรถแล้วให้เข้าไปยังจุดตรวจค้นเพื่อตรวจค้นและตรวจสอบข้อมูลผู้ขับขี่ จากการตรวจสอบและบันทึกข้อมูลไว้ ระหว่างนั้น ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สี่ประตู สีบรอนทอง หมายเลขทะเบียน กบ-961 เชียงราย วิ่งมาจาก อ.เด่นชัย มุ่งหน้าไปทาง จ.อุตรดิตถ์ ก่อนจะถึงด่านตรวจห้วยไร่ รถคันดังกล่าวได้กลับรถบริเวณจุดกลับรถหน้าด่านวิ่งย้อนกลับไปทาง อ.เด่นชัย มีพฤติการณ์ต้องสงสัย จนท.ชุดจับกุม จึงได้นำกำลังออกติดตามรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 06.00 น. พบว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว จอดอยู่ข้างทางก่อนถึงด่านตรวจห้วยไร่ จนท.ชุดจับกุมได้พบกับนายประจวบฯ มีลักษณะต้องสงสัย จนท.ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวแล้วทำการตรวจค้นตัวนายประจวบฯ สอบถามนายประจวบฯ เบื้องต้นรับว่าเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว จนท.ชุดจับกุม จึงได้ตรวจค้นเบื้องต้นภายในรถคันดังกล่าวพบกระสอบปุ๋ยสีฟ้า และสีเขียววางซ้อนกันบนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านข้าง และตอนหลังของผู้ขับขี่ โดยมีผ้าใบสีเขียวขี้ม้าคลุมทับไว้ จึงได้นำรถคันดังกล่าวไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อตรวจสอบรายละเอียด เพิ่มเติมอีกครั้ง ผลเอ็กซเรย์พบวัตถุต้องสงสัยมีลักษณะคล้ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้าหรือ เมทแอมเฟตามีน) จำนวน 26 กระสอบ ยาบ้า ประมาณ 5,000,000 เม็ด สอบถามนายประจวบฯ รับว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) จริง และ จนท.ชุดจับกุม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายประจวบฯ ทราบว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” พร้อมคุมตัวผู้ต้องหา และของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จว.แพร่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทางด้านพลโท บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.บส.ชน.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2565 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในภาค 3 ได้มอบหมายให้กองทัพน้อยที่ 3 รับผิดชอบการจัดกำลังของศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ โดยกำลังพลในส่วนของกองบัญชาการจัดจากกองทัพน้อยที่ 3 และส่วนปฏิบัติการจัดจากกองพลทหารราบที่ 4 และกองพลทหารราบที่ 7 ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือมีภารกิจในการอำนวยการ ควบคุมการปฏิบัติต่อหน่วยขึ้นตรงและ หน่วยขึ้นควบคุมทางยุทธการประสานงาน บูรณาการต่อส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการ สกัดกั้น ปราบปราม ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่อำเภอชายแดน และพื้นที่อำเภอตอนในที่ต่อเนื่องของของ 4 จังหวัดประกอบด้วย จ.แม่ฮ่องสอน​, จ.เชียงใหม่​, จ.เชียงราย​ และ จ.พะเยา​ จาก สถานการณ์ยาเสพติดในห้วงเดือน ตุลาคม 2564 ยังคงมีความพยายามลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่เขตไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตรงข้าม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้แนวโน้มสถานการณ์ปีนี้คาดว่า การลำเลียงยาเสพติดในประเทศเมียนมา ยังคงมีการลำเลียงในหลายทิศทาง ได้แก่ด้านทิศตะวันวันตก ลำเลียงเข้าสู่เขตไทยทางภาคเหนือ และลำเลียงเข้าสู่ สปป.ลาว ซึ่งการลำเลียงเข้าสู่เขตไทยทางภาคเหนือตอนบน ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และมีการลำเลียงยาเสพติดมาพักคอยบริเวณแหล่งพักตามแนวชายแดนในหลายพื้นที่ แต่กลุ่มลำเลียงจากแนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในหลายกลุ่มยังไม่รับงานลำเลียง เนื่องจากในห้วงที่ผ่านมามีการสกัดกั้นอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ทั้งแนวชายแดน และพื้นที่ตอนใน ซึ่งในการที่ ตำรวจภูธร​ภาค​ 5 ได้ติดตามสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงรูปแบบที่ กลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดและปรับเปลี่ยน การขนยาเสพติดไปตามจุดต่างๆ โดยมีการใช้รถมอเตอร์ไซค์มอเตอร์ไซค์ในการตรวจสอบเส้นทางและชี้เป้าหมายว่ามีด่านหรือไม่อย่างไรซึ่งทาง ศป.บส.ชน. จะได้มีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างเพื่อเพิ่มความเข้มในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด

ด้าน นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภาค 5 กล่าวว่า ฝากเตือนไปยังกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทางปปส.ภ.5 ได้ดำเนินการร่วมหลายภาคส่วนในการสืบค้นติดตามตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน​ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ตาม ทั้งนี้กฏหมายได้เปิดให้สามารถดำเนินการตรวจยึดทรัพย์​สิน​ได้อย่างสูงสุด ซึ่งการปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส.ต้องทำงานเชิงรุก เพราะเรามีประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ 182 มาตรา ซึ่งเชื่อว่าเมื่อมีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายมากขึ้นอีก และทางปปส.ภ.5 จะดำเนินการยึดทรัพย์ให้หนักขึ้น และสามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี เรามีประมวลกฎหมายยาเสพติดที่แยกคดีทรัพย์และคดีอาญาออกจากกัน และเราจะดำเนินการกับกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายา โดยการบูรณาการ​ร่วมทุกฝ่ายต่อไป.