ไลฟ์สไตล์ » ผู้หญิง » คุณผู้หญิงควรรู้ไว้!!!กินยาคุมทุกวันแต่ท้อง นี่เราป่องเพราะพลาดตรงไหน ?!

คุณผู้หญิงควรรู้ไว้!!!กินยาคุมทุกวันแต่ท้อง นี่เราป่องเพราะพลาดตรงไหน ?!

18 May 2017
712   0

กินยาคุมกำเนิดอยู่ทุกวัน แต่ก็ดันท้องขึ้นมาได้ นี่เราตั้งครรภ์ได้ยังไงทั้งที่กินยาคุมมาโดยตลอด สาว ๆ ลองเช็กกันค่ะว่าได้พลาดทำสิ่งเหล่านี้ระหว่างที่กินยาคุมอยู่หรือเปล่า

หากเรายังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน เชื่อว่าวิธีคุมกำเนิดที่หลายคนเลือกใช้คือการกินยาคุมกำเนิด เพราะสะดวก ราคาไม่แรงมาก และก็ช่วยคุมกำเนิดได้ในระดับหนึ่ง แต่ทว่ามีหลายกรณีศึกษาที่กินยาคุมเป็นประจำแต่ดันท้องป่องขึ้นมา

1. กินยาคุมกำเนิดไม่ตรงเวลา

ยาเม็ดคุมกำเนิดมีฮอร์โมนชนิดที่ช่วยยับยั้งการตกไข่ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดจะออกฤทธิ์ได้ดีก็ต่อเมื่อฮอร์โมนดังกล่าวในร่างกายสาว ๆ มีความสม่ำเสมอ ฉะนั้นการกินยาคุมกำเนิดไม่ตรงเวลาส่งผลให้ฮอร์โมนตัวนี้ขาดความสมดุลได้ จึงเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์มากขึ้นนั่นเอง

2. กินยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับยาปฏิชีวนะ ยากันชัก และยารักษาวัณโรค

ยารักษาโรคบางชนิดมีผลลดประสิทธิภาพของยาเม็ดคุมกำเนิด เช่น ยาปฏิชีวนะที่อาจลดการดูดซึมยาเม็ดคุมกำเนิด (บางชนิด) หรือยากันชัก (epilepsy) และยารักษาวัณโรค ดังนั้นหากกินยาคุมกำเนิดและกินยาเหล่านี้ด้วย ประสิทธิภาพการป้องกันของยาคุมกำเนิดอาจลดลงจนเพิ่มโอกาสในการท้องได้

3. กินยาเม็ดคุมกำเนิดกับยารักษาทางจิตเวช

นอกจากยาปฏิชีวนะแล้ว ยารักษาจิตเวชบางตัวก็มีผลกับยาเม็ดคุมกำเนิดเช่นกัน อย่างยาควบคุมอารมณ์ (stabilizers) ที่ใช้เพื่อปรับอารมณ์ของคนไข้ให้คงที่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอาการซึมเศร้า กลุ่มผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ ยาชนิดนี้ก็มีส่วนลดประสิทธิภาพของตัวยาคุมกำเนิดด้วยนะคะ กินคู่กันก็แน่นอนว่าโอกาสจะท้องย่อมมากขึ้น

4. อาเจียน หรือท้องเสียหลังกินยาเม็ดคุมกำเนิด

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ท้องทั้ง ๆ ที่กินยาคุมกำเนิดเป็นประจำ ก็เพราะว่าบางคนกินยาเม็ดคุมกำเนิดไปแล้วแต่ดันอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุงภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินยา หรือมีอาการท้องเสียข้ามวัน เคสอย่างนี้บอกเลยว่ายาที่กินเข้าไปยังไม่ทันได้ถูกดูดซึมไปออกฤทธิ์อะไรทั้งสิ้นค่ะ ยิ่งหากอาเจียนหรือท้องติดกันสองวัน ก็เท่ากับพลาดยาไป 2 เม็ด โอกาสท้องก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลย

5. เก็บยาคุมกำเนิดผิดที่ผิดทาง

ยาเม็ดคุมกำเนิดควรเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 15-30 องศาเซลเซียส เพราะหากยาคุมกำเนิดได้รับแสงแดด หรือความร้อนที่เกิน 40 องศาเซลเซียสอาจทำให้ตัวยาเสื่อมประสิทธิภาพได้ หรือในกรณีที่เก็บยาคุมกำเนิดในที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ในตู้เย็น ในห้องน้ำ ก็มีส่วนทำให้ตัวยาเสื่อมคุณภาพได้เช่นกัน ซึ่งก็ส่งผลต่อโอกาสตั้งครรภ์ที่มากขึ้นนะคะ ฉะนั้นเพื่อการป้องกันที่ดี ก็ควรเก็บยาคุมกำเนิดในที่ที่เหมาะสมจะดีกว่า

6. ลืมกินยาคุมกำเนิดแบบไม่รู้ตัว

ในแต่ละวันเราทำกิจกรรมอะไรมากมาย เชื่อไหมคะว่าเลยทำให้สาว ๆ หลายคนเลยลืมกินยาคุมกำเนิดแบบไม่รู้ตัว บางคนคิดว่ากินไปแล้วทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กิน พอมารู้อีกทีก็วันถัดไปที่ต้องกินยาคุมตามกำเนิดเดิม กลายเป็นว่าลืมกินยาคุมกำเนิดไป 1 วัน ซึ่งการลืมทานยาคุมกำเนิดนี่ล่ะจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลงได้ ดังนั้นหากไม่แน่ใจ แนะนำให้สละเวลามาเช็กแผงยาคุมกำเนิดให้ชัวร์อีกที จะได้ไม่พลาดเนอะ

7. กินยาคุมกำเนิดไม่ถูกวิธี
โดยเฉพาะในช่วงเริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดแผงแรก ซึ่งเราควรเริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดแผงแรกในวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน (นับวันที่มีประจำเดือนวันแรกเป็นวันที่ 1) เพื่อเป็นการปรับฮอร์โมนที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ทว่าหากเริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดก่อนประจำเดือนมา หรือหลังวันที่ 5 ของการมีประจำเดือนไปแล้ว กรณีนี้บอกเลยว่ายาเม็ดคุมกำเนิดไม่ได้ช่วยอะไรเลยค่ะ ยิ่งถ้าไม่ใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย โอกาสท้องคือมาเต็มนะ

อีกกรณีหนึ่งคือความสับสนหลังกินยาคุมหมดแผงแรก โดยบางคนเลือกกินยาเม็ดคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด แล้วไม่ได้กินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ในวันที่ 8 ของการหยุดยา เพราะเข้าใจว่าต้องรอประจำเดือนมาก่อนจึงจะเริ่มกินยาแผงใหม่ได้ ดังนั้นเมื่อหยุดยาแล้วประจำเดือนไม่มาสักที เลยยังไม่ได้กินยาเม็ดคุมกำเนิดแผงใหม่ ทำให้เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ไปโดยปริยาย

สำนักข่าว vihoknews