ข่าวประจำวัน » อาชญากรรม » #คุก3โจรใต้ !! ร่วมป่วนแบ่งแยกดินแดน-ยิงทหารดับ3นาย

#คุก3โจรใต้ !! ร่วมป่วนแบ่งแยกดินแดน-ยิงทหารดับ3นาย

4 January 2018
768   0

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาจำคุก 3 โจรใต้ ทั้งร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ยิงทหารดับ3นาย

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 4 ม.ค.61 [▪Narwna▪] ที่ห้องแถลงข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า(กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28-29 ธ.ค.60 ศาลจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งพิพากษาผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 3 ราย ในคดีเกี่ยวกับอั้งยี่ ซ่องโจร ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ปัตตานี ต่างกรรมต่างวาระกัน สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย

คดีที่ 1 ศาลจังหวัดปัตตานีได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.2438/60 โดยพิพากษาจำคุก นายรูสลัน ตูหยง จำนวน 4 ปี จากการตรวจพบ DNA ในเหตุการณ์แขวนป้ายผ้าแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2556

คดีที่ 2 ศาลจังหวัดปัตตานีได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.2088/60 โดยพิพากษาจำคุก นายอัครเดช สนิ จำนวน 4 ปี ในคดีอั้งยี่ ซ่องโจร เนื่องจากตรวจพบ DNA ตรงกับเอกสารที่ยึดได้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายและแบ่งแยกดินแดน จากการเข้าจับกุมผู้ต้องหาภายในโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2560

คดีที่ 3 ศาลจังหวัดปัตตานีได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.2644/60 โดยพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายซูฟียาน สนิ ซึ่งเป็นคดีลอบยิง จากเหตุการณ์คนร้าย 7-8 คน พร้อมอาวุธปืนลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารและราษฎร บริเวณหมู่ 3 ตลาดบ้านตาแบ๊ะ ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2560 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 3 นาย และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุมเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2560 พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนพก 2 กระบอก และซิมการ์ดโทรศัพท์ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

จากการตรวจสอบพบว่าซิมการ์ดโทรศัพท์เป็นของทหารที่ถูกยิงในตลาดนัดบ้านตาแบ๊ะ และจากการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนพบว่าเคยใช้ก่อเหตุยิงราษฎรในพื้นที่ ต.ปาลัส อ.มายอ จ.ปัตตานี และก่อเหตุยิงทหารเสียชีวิต 3 ราย จึงพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พบว่ามีหมายจับรวมกัน 6 หมาย และเคยก่อเหตุที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับคำพิพากษาในครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในหลายคดี ส่วนคดีอื่นๆที่เหลือ ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งพนักงานอัยการได้ยื่นขออุทธรณ์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังคงให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน เพื่อนำผู้ที่กระทำความผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมาย และยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการยุติการใช้ความรุนแรงเข้ารายงานตัวแสดงตนตามโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อร่วมสร้างสันติสุขในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยเจ้าหน้าที่รัฐพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้าสู่กระบวนยุติธรรม โดยสามารถติดต่อผ่านศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ , ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ หรือผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักข่าววิหคนิวส์