รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุดเผยครูจอมทรัพย์ไม่มีหลักฐานใหม่ศาลนครพนมจึงไม่เปลี่ยนคำพิพากษา ยันการรื้อฟื้นคดีต้องมีการทำลายหลักฐานเก่าและในขณะเดียวกันหลักฐานใหม่ต้องดีกว่า ด้านครูจอมทรัพย์อ้างถูกตำรวจคุกคามทำให้พยานใหม่ไม่กล้ามาขึ้นศาล เมื่อวันที่ (17 พ.ย.60) นางสาวจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ผู้ขอรื้อฟื้นคดีเปิดเผยผ่านในรายการ“เป็นเรื่องเป็นข่าว”ว่านายสัป วารี ได้เดินทางไปขึ้นศาลแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคม หลังจากจากนั้นได้เตรียมตัวจะขึ้นศาลอีกครั้งแต่ก็เปลี่ยนกระทันหันเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจบ้านของนายสัป วาปี ครูอ๋อง และบ้านของตนเองทำให้นายสัปวาปีเกิดความกลัวและพยานใหม่ของตนเองหลายรายก็กลัวเช่นเดียวกันจึงไม่มีใครกล้ามาให้การในชั้นศาลซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเพราะว่าถ้าตำรวจให้โอกาสและไม่มาข่มขู่ คุกคามก็คงมีพยานและหลักฐานพร้อมมากกว่านี้ พยานใหม่ที่ได้เตรียมไว้คือคนที่ซ่อมรถให้ที่เห็นร่องรอยในฝากระโปรงรถส่วนตัวน้อมรับคำพิพากษาของศาล ส่วนเรื่องที่ตำรวจจะมีการสืบถึงเรื่องขบวนการรับผิดแทนนั้นไม่ได้กังวลอะไรเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมถ้าฝ่ายตำรวจไม่เห็นความบริสุทธิ์ของตน แต่สวรรค์ยอมมีตาย่อมมองเห็น

โดยตอนนี้กำลังเดินเรื่องขอเข้ารับราชการเพราะภาระหนี้สินยังมีอยู่และการเดินเรื่องขอเข้ารับราชการมันคนละเรื่องกับคดีความ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุดกล่าวว่าคดีของครูจอมทรัพย์นี้ศาลอนุญาตให้รื้อฟื้นกระบวนการรื้อฟื้นต้องมีพยานหลักฐานใหม่หลักฐานใหม่นั้นคือนายสัปวาปีที่ยอมรับว่าเป็นคนชน จึงได้เอาคำร้องที่ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนและคำร้องที่ขอรื้อฟื้นคดีให้ศาลอุทธรณ์ วินิฉัยว่าจะให้รื้อฟื้นคดีหรือไม่โดยศาลอุทธรณ์ได้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาแต่ทางศาลฎีกาเห็นว่าไม่ได้มีพยานใหม่ เพราะนายสัปวาปีไม่ยอมมาเบิกตัวขึ้นศาล จึงทำให้ศาลไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาคดีครูจอมทรัพย์เพราะศาลต้องการหลักฐานที่เต็มรูปแบบศาลต้องการที่จะได้สอบปากคำต่างๆเพิ่มเติม และรถ บค 56 อยู่ที่ไหนโดยการรื้อฟื้นคดีต้องมีการทำลายหลักฐานเก่าและในขณะเดียวกันหลักฐานใหม่ต้องดีกว่าการที่นายสัปวารี ไม่มาขึ้นศาลคาดว่าไม่สามารถตอบคำถามศาลได้ทั้งเรื่องของการทำไมถึงเพิ่งมายอมรับว่าเป็นคนขับรถชนเองหรือไปรู้จักนางจอมทรัพย์ได้อย่างไร ทำให้ศาลไม่ยอมเปลี่ยนคำพิพากษา


cr.Azman.Online
สำนักข่าววิหคนิวส์