ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #คนจับอากงขอโทษ ! ที่แท้เป็นเด็กก้าวไกล สมัยเคยเป็นผู้การกองปราบ

#คนจับอากงขอโทษ ! ที่แท้เป็นเด็กก้าวไกล สมัยเคยเป็นผู้การกองปราบ

10 May 2021
719   0

   10 พ.ค.64 – พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งมีส่วนร่วมในการจับกุม นายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง ฐานความผิดม. 112  เมื่อปี 2553  เผยว่า ขอน้อมรับความผิดในการให้สัมภาษณ์ในขณะที่มีหน้าที่ในภาครัฐ ปี 2554 และขออภัยต่อดวงวิญญาณอากง และครอบครัว รวมถึงขอโทษผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ทุกคนที่อาจจะเกิดจากการทำงานในหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมาแล้วด้วย

เขากล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสถานการณ์เปลี่ยนไป แต่การบังคับใช้กฎหมายยังคงถือปฏิบัติเช่นเดิมตลอดมา เวลาผ่าน ความเข้าใจของสังคมก็เปลี่ยนตามไปด้วย

“ผมตระหนักแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้ และมาตราอื่นๆ ตลอดจนกฎหมายอีกหลายฉบับ เช่น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน รัฐบาล และสถาบันย่ำแย่ลงจากความไม่เป็นธรรมในหลายแง่มุม ด้วยน้ำมือของผู้ควบคุมและกำกับ ตลอดจนนโยบายเป็นสำคัญ”

พล.ต.ต.สุพิศาล งานการเมือง โดยเฉพาะ ส.ส.ต้องมีหน้าที่และอำนาจ ในการตราออกแก้กฎหมาย เพื่อให้เป็นธรรมจึงสำคัญยิ่ง และด้วยตระหนักว่าไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ แต่สามารถมุ่งมั่นลงมือทำงานเพื่อแก้ไขปัจจุบัน และกำหนดอนาคตของสังคมที่ดีกว่านี้ได้ ผมจึงตัดสินใจเข้าทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว ในปี 2561 ร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ และต่อมาคือพรรคก้าวไกล เนื่องจากเห็นด้วยกับนโยบายด้านการปฏิรูปกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน

“ผมภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งใน ส.ส. และเป็นอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขปรับปรุงชุดกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน รวมถึงมาตรา 112 ด้วยและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  แม้สิ่งที่ผมทำจะไม่สามารถทดแทนความผิดพลาดได้ และคงไม่ทำให้ครอบครัวอากงให้อภัยผม แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น หลังจากนี้จะขอใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำงานแก้ไขความผิดพลาดดังกล่าวในอดีตเดิมที่อยู่ในวังวนของการครอบงำ ในอาณัติการที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งภายใต้รัฐราชการ อันเป็นการจำกัดสิทธิพลเมืองบางอย่างออกไปด้วยตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น เราทุกคนควรจะมีสิทธิอันพึงมีที่เท่ากัน” พล.ต.ต สุพิศาลกล่าว