ข่าวประจำวัน » #กบฏ-ก่อการร้าย! ‘กำนัน’อ่วม2ข้อหาหนัก-อัยการสั่งฟ้อง42ราย

#กบฏ-ก่อการร้าย! ‘กำนัน’อ่วม2ข้อหาหนัก-อัยการสั่งฟ้อง42ราย

23 January 2018
392   0

“เทือก” พร้อมแกนนำ กปปส. เตรียมตบเข้าพบอัยการคดีพิเศษ 24 ม.ค. ฟังคำสั่งฟ้องคดีชุมนุมไล่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” เผยโดนเบ็ดเสร็จ 42 ราย “กำนัน” กอดคอ “ลูกหมี” เจอ 2 ข้อหาหนัก “กบฏ-ก่อการร้าย” ขณะที่แกนนำอีก 32 คนทั้งหลวงปู่พุทธะอิสระ อ.เจิมศักดิ์ น้องตั๊น เจ๊โอ๋-รังสิมา ชักแถวเข้าคิวโดนหางเลขคดีกบฏกันระนาว

แนวหน้า-ความคืบหน้ากรณีอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เรียก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. กับพวกให้มารายงานตัวในวันที่ 24 มกราคม เพื่อฟังคำสั่งในคดีพิเศษที่ 261/2556 ฐานร่วมกันเป็นกบฏในการชุมชุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556-2557 โดยอัยการได้กำชับให้ผู้ต้องหาทุกคนเดินทางมาฟังคำสั่งด้วยตัวเอง เนื่องจากจะมีคำสั่งว่าผู้ต้องหารายใดจะถูกสั่งฟ้องข้อหาใดบ้าง รวมทั้งให้เตรียมหลักทรัพย์มาให้พร้อม เผื่อจะต้องมีการยื่นประกันตัวนั้น

“อัยการ”ถกศาล-ตำรวจส่งฟ้องกปปส.

โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 มกราคม อัยการได้เรียกประชุมหารือร่วมกับผู้แทนศาลอาญา, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าตำรวจพื้นที่ บก.น.2 เพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการดูแลความเรียบร้อยในการส่งตัวผู้ต้องหามาฟ้องที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก รวมทั้งการประกันตัว ซึ่งอัยการให้เป็นดุลยพินิจของศาลในการพิจารณาสั่งประกัน ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์การประกันเป็นไปตามแนวทาง ที่อัยการเคยยื่นฟ้อง 4 แกนนำ กปปส. ต่อศาลไปก่อนหน้านี้แล้วโดยศาลตีราคาประกันคนละ 600,000 บาท

ส่วนในการสั่งคดีนั้น อัยการได้นัดผู้ต้องหาทั้งหมดมารายงานตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งอยู่ติดกับศาลอาญา โดยจะนำตัวผู้ต้องหาไปส่งต่อศาลในลักษณะใครมาก่อนฟ้องก่อน

เผยเข้าคิวโดนสั่งฟ้องชัวร์ๆ42ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้มีผู้ต้องหา 58 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้ในชั้นสั่งคดี อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง 1 ราย รวมทั้งได้ยื่นฟ้องไปก่อนแล้วจำนวน 4 ราย ขณะเดียวกันยังมีอีก 7 ราย ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายทศพล เพ็งส้ม นายสาธิต ปิตุเตชะ และ นางนาถยา แดงบุหงา ที่มีการแยกสำนวนพิจารณาต่างหาก เนื่องจากมีข้อหาเบากว่า

ดังนั้นในส่วนของคดีกบฏและที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมซึ่งจะมีคำสั่งฟ้องในวันที่ 24 มกราคม จะมีผู้ต้องหาทั้งสิ้นประมาณ 42 ราย

“สุเทพ-9แกนนำ”ยืนยันมาแน่นอน

นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับ 9 เเกนนำ กปปส. ได้เเจ้งความจำนงแล้วว่า จะเดินทางมาเพื่อฟังคำสั่งด้วยตัวเอง ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ ยังไม่มีรายงานเเจ้งเข้ามาว่า  จะมารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งหรือไม่

เมื่อถามว่า หากผู้หาบางคนไม่ได้เดินทางมาฟังคำสั่งทางอัยการจะดำเนินการอย่างไร นายวงศ์สกุล กล่าวว่าก็จะดำเนินการตามระเบียบเมื่อผู้ต้องหาไม่มาตามนัด ถ้ามีเหตุอันสมควรเราก็จะพิจารณาตามเหตุผลของเเต่ละราย เหมือนอย่างคดีอื่นๆ ในมาตรฐานเดียวกัน อย่างไรก็ตามข้อมูลขณะนี้ ยังไม่ทราบว่ามีใครขอเลื่อนมาบ้างหรือไม่ เพราะหากจะมีการขอเลื่อนก็ต้องมีหนังสือเเจ้งเข้ามาขณะนี้ยังไม่ทราบ

สะพัด!ฟ้อง34แกนนำข้อหา“กบฏ-อั้งยี่”

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 24 มกราคม ในภาพรวมอัยการจะมีการสั่งฟ้อง 4 กลุ่ม ในข้อหาต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.สั่งฟ้อง 34 ผู้ต้องหา ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันร่วมกันปิดงานหยุดงาน กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบแผ่นดิน หรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ หรือผู้มีหน้าที่สั่งการและเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก, ร่วมกันบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้สามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 76, 352 ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557)

“กำนัน-แกนนำ-น้องตั๊น”โดนยกเข่ง

โดยผู้ต้องหาทั้ง 34 คน ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 3.นายชุมพล จุลใส 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ 10.นางอัญชะลี ไพรีรัก 11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 12.นายอุทัย ยอดมณี 13.เรือตรีแซมติน เลิศบุศย์ 14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 15.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 16.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 17.นางสาวจิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี หรือ กฤดากร 18.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 19.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ 20.นายสุริยะใส กตะศิลา 21.นายอมร อมรรัตนานนท์

“หลวงปู่-เจ๊โอ๋-สาธิต เซกัลป์”ไม่รอด

22.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 23.พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพระพุทธอิสระ 24.นายสาธิต เซกัล 24.นายกิตติชัย ใสสะอาด 25.นายคมสัน ทองศิริ 26.นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ 27.นายมั่นแม่น กะการดี 28.นายประกอบกิจ อินทร์ทอง 29.นายนัสเซอร์ ยีหมะ 30.นายพานสุวรรณ ณ แก้ว 31.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด 32.นางสาวรังสิมา รอดรัศมี 33.นางทยา ทีปสุวรรณ 34.พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี และ 34.พล.ร.อ.เอกชัย สุวรรณภาพ

พ่วงข้อหาก่อการร้าย“กำนัน-ชุมพล”

2.สั่งฟ้องฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/1,83 แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายชุมพล จุลใส ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557

ฟ้อง“อ.แก้ว-ถวิล”ปลุกปั่นยุยง

3.สั่งฟ้อง 1.นายแก้วสรร อติโพธิ 2.นายกิตติศักดิ์ ปรกติ 3.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 4.นายพิภพ ธงไชย และ 5.นายถวิล เปลี่ยนศรี ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกบฏ และเป็นผู้สนับสนุนในความผิดตามข้อกล่าวหาดังต่อไปนี้ ยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงานร่วมกันปิดงานงดจ้าง, อั้งยี่, ซ่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ เป็นหัวหน้าหรือ ผู้มีหน้าที่สั่งการและเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก ร่วมกันบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิหรือขัดขวางหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,86,113,116,117,209,210,215,216,362,364,365 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 76,152 ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557)

“นิติธร-อุทัย-อมร”พังรั้วบัวแก้วเสียหาย

4.สั่งฟ้อง 3 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.นายนิติธร ล้ำเหลือ 2.นายอุทัย ยอดมณี และ 3.นายศิร โยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์ ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,359 เพิ่มเติมอีก เนื่องจากพยานหลักฐานยืนยันว่าได้ร่วมกันบุกรุกกระทรวงต่างประเทศ ทำให้เสียทรัพย์ โดยทำให้ประตูรั้วได้รับความเสียหาย

สำนักข่าววิหคนิวส์