จตุพร พรหมพันธุ์ ยกเคสกรณีภาพ ตระกูลชินวัตร ยิ้มระรื่น รับไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงให้เห็นว่าประชาชนถูกหลอก ชี้คำพูดหาเสียงที่ผ่านมาเป็นเท็จ
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรวิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้เฟซบุ๊คไลฟ์ผ่านรายการประเทศไทย ต้องมาก่อน ลั่น ความอยุติธรรมที่คนชั้นนำสุมหัวกันหลอกประชาชน เพื่อแลกประโยชน์อำนาจการเมืองนานวันเข้าจะยิ่งจุดไฟในอารมณ์ประชาชนจนระเบิดรุนแรงขึ้นสักวันหนึ่งในอนาคต
จตุพร ยกกรณีความอยุติธรรมในสังคมว่า ปรากฎการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอนรักษาตัว ไม่กลับเข้าคุกนั้น จะกลายเป็นของร้อนขึ้นมาตามลำดับ แม้ขณะนี้ดูเหมือนไม่มีอะไรก็ตาม แต่ความอยุติธรรมเหมือนเข็มพิษทิ่มแทงแล้วกลายเป็นแผลบาดทะยักขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“กรณีชั้น 14 รอเวลาอารมณ์ของสังคมไทยระเบิดออกมา เพราะความไม่พอใจต่ออยุติธรรมที่ปรากฎขึ้นนั้น ย่อมอยู่ในใจคนหมดแล้ว ถึงที่สุดจะเอาไม่อยู่กับสถานการณ์นี้ และไม่มีใครจะชนะได้ตลอดแน่นอน” จตุพร ให้ความเห็น
อีกทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมานั้น ไม่ว่าอยู่ฝ่ายไหน ประชาชนล้วนถูกหลอกให้ไปเสียชีวิตทั้งสิ้น ส่วนผู้นำกลับได้ประโยชน์เต็มที่ ยิ่งมีภาพคนตระกูลชินวัตร ในวันไปดูแสดงโขน ซึ่งเป็นหลักฐานได้ชัดเจน และเชื่อว่าต่อไปจะมีอีกหลายรูปออกมาเป็นใบเสร็จตบหน้ากลุ่มอำนาจหลอกลวงประชาชน
ในภาพดังกล่าวนั้น ต่างฝ่ายต่างรับไหว้กันและกัน พร้อมส่งรอยยิ้มไม่เหลืออาการเคยบาดหมาง เจ็บแค้นทางการเมืองกันมาก่อนเลย ดังนั้น ภาพเช่นนี้ย่อมสะท้อนถึงเหตุการณ์เสียง สว. 152 เสียง ลงมติเลือกนายเศรษฐา เป็นนายกฯ ได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการเจรจาตกลงสมยอมกันมาก่อนแล้ว
โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง
ไม่เพียงเท่านั้น ภาพในงานดูโขนนั้น ยังแสดงถึงการหลอกประชาชนและลืมคำพูดในช่วงหาเสียงที่จะต่อสู้กับเผด็จการ แต่ภาพนี้กลับผูกมัดได้ชัดเจนว่า กลุ่มอำนาจคืนดีกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างแลกประโยชน์ลงตัวซึ่งกันและกัน ส่วนประชาชนที่ถูกหลอกออกมาต่อสู้เรียกร้องหาประชาธิปไตยจนต้องถูกจับ บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตในคุก ประชาชนยังเป็นเหยื่อการหลอกของอำนาจอยู่ดี หวังว่าสักวันทุกฝ่ายจะหูตาสว่างขึ้นมารับรู้และมองเห็นความจริงกัน