ณ เวลานี้ คนรุ่นใหม่มีความตื่นตัวในประเด็นการเมืองกว่าแต่ก่อนมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นคนอายุน้อยก้าวขึ้นมามีบทบาทในเวทีการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
กรณีที่น่าสนใจเกิดขึ้นในวันที่ 9 มกราคม 2024 โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Jean-Michel Frédéric Macron) ” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้แต่งตั้งให้ “กาเบรียล อัตตัล (Gabriel Attal)” เป็นนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส
การแต่งตั้งครั้งนี้ สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลก เพราะนายกาเบรียลมีอายุ แค่ 34 ปี จึงกลายเป็นเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสยุคใหม่อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เขายังประกาศว่าตนเองเป็นเกย์อีกด้วย
โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง
ประวัติ กาเบรียล อัตตัล
ทั้งนี้ นายกาเบรียลไม่ใช่หน้าใหม่ในการเมือง เพราะเขาได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญมานับไม่ถ้วน ซึ่งเส้นทางการเมืองของเขาเริ่มจากเป็นสมาชิกพรรคสังคมนิยมในปี 2006 ต่อมาได้เป็น ได้เป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มารีโซล ตูแรน ระหว่างปี 2012 – 2017 จนท้ายที่ก็เข้าร่วมกับ พรรค “อ็องมาร์ช (En Marche)” และทำหน้าที่เป็น โฆษกให้พรรคในปี 2018 ก่อนจะเป็นกรรมการบริหารพรรคในปี 2021
ในปี 2023 นายกาเบรียลได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแห่งชาติ ซึ่งการเคลื่อนไหวแรกของเขา คือสั่งห้าม ชุด “อาบายา” ของชาวมุสลิมในโรงเรียนของรัฐบาล ซึ่งทำให้ถูกต่อต้านจากฝ่ายซ้าย แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ความนิยมในกลุ่มอนุรักษนิยมก็เพิ่มขึ้นจำนวนมากเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หลังจากนายกาเบรียลรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ เขาก็ได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรก โดยมีเป้าหมายที่จะมุ่งปฏิรูปโรงเรียน และการจ้างงานในเยาวชนเป็นหลัก
ทั้งนี้ การแต่งตั้งนายกาเบรียล ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกวางแผนไว้นานแล้ว โดยดูได้จากการให้ “เอลีซาเบธ บอร์น (Élisabeth Borne) ” นายกรัฐมนตรีหญิงคนล่าสุดที่มีอายุ 62 ปี และเพิ่งจะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่ถึง 2 ปี ลาออกเพื่อหลีกทางให้กับนายกาเบรียล ที่เป็นคนรุ่นใหม่กว่า
อย่างไรก็ตาม การดึงคนอายุน้อยที่ดูดี มีความสามารถ และเข้าถึงง่ายขึ้นมามีส่วนบริหารประเทศของฝรั่งเศสในครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจทำให้คะแนนความนิยมของ เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกลับมาสูงอีกครั้ง เพราะตั้งแต่มีการระบาดของโควิด -19 และการขยายเวลาเกษียณอายุงาน รัฐบาลฝรั่งเศสชุดปัจจุบันก็เสียคะแนนนิยมลงเรื่อยๆ และต้องรีบกู้คืนกลับมา
โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง
จึงสรุปได้ว่า นี่คือการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ของเกมการเมืองฝรั่งเศสที่น่าจะตามองอย่างยิ่ง และถ้ามองย้อนกลับมาดู สถานการณ์การเมืองในบ้านเราก็มีคลื่นนี้กระเพื่อมอยู่เช่นกัน ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่า หากรัฐบาลชุดปัจจุบันของประเทศไทยยังทำผลงานได้ไม่เข้าตา ก็อาจมีการดึงคนรุ่นใหม่ที่ถูกเลือกไว้แล้ว ให้ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศแทนที่ผู้นำคนเดิมได้ทุกเมื่อเช่นกัน