ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
ประเทศไทยสมควรปกครองด้วยระบอบ
สังคมธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยวิถีราชประชาสมาสัย
สังคมธรรมาธิปไตย คือ
-สังคมสวัสดิการ ที่มิใช่ทุนนิยมเสรีสุดโต่ง มือใครยาวสาวได้สาวเอา จนเกิดเศรษฐกิจผูกขาดตัดตอน คนรวยก็รวยยิ่งขี้น คนจนก็ยากจนลง จนเกิดความเหลื่อมล้ำมหาศาลและเป็นที่มาของความไม่สงบสุขมากขึ้น
ดังนั้นสังคมต้องมีมาตรการอุ้มชู สนับสนุน ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ประชาชนรายเล็กรายน้อยยืนอยู่บนขาตัวเองได้และเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ
แต่มิใช่ด้วยแนวทางสังคมนิยม รัฐสวัสดิการหรือประชานิยมเต็มรูปแบบเสมอไป
- ธรรมาธิปไตย ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ความเป็นธรรม ความยุติธรรมโดยเสมอภาค
-พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องเป็นประมุขอย่างแท้จริง มิใช่เจว็ด
นั่นหมายความว่า พระมหากษัตริย์ต้องมีพระราชอำนาจ มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ในฐานะประมุขของประเทศ ที่ต้องดูแลความมั่นคงของชาติ และความผาสุกของประชาชน
ทั้งนี้ เนื่องจากพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นศูนย์รวมใจหนึ่งเดียวของคนทั้งชาติ ไม่ว่าเชื้อชาติใด ศาสนาลัทธิใด วัฒนธรรมใด ประเทศไทยเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม พระมหากษัตริย์ไม่แบ่งแยกเป็นฝ่ายใดพวกใด พระองค์ท่านไม่มีพวกไม่มีฝ่าย มีแต่ประชาชนไทยทั้งชาติ ไม่เหมือนกับนักการเมือง พรรคการเมือง ทหาร ข้าราชการ นักธุรกิจนายทุนขุนศึกใดใดซึ่งล้วนมีฝักมีฝ่าย แบ่งฝักแบ่งฝ่ายทั้งสิ้น
ดังนั้น ประชาชนส่วนรวมของชาติจะไม่มีผู้ใดองค์กรใดที่จะเป็นผู้ที่หลอมรวมปกครองบริหารเพื่อผลประโยชน์และประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริงได้เหมือนกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ดังนั้น พระมหากษัตริย์ต้องทรงเป็นประมุขเพื่อปกป้องดูแล เป็นผู้นำในการจรรโลงรักษาส่งเสริมความมั่นคงของชาติและความผาสุกของประชาชนด้วยวิถีราชประชาสมาสัย นั่นคือ พระมหากษัตริย์และประชาชนต้องอาศัยซึ่งกันและกัน
พระมหากษัตริย์ต้องมีพระราชอำนาจที่จะดำรงความเป็นประมุขเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวม
พระมหากษัตริย์ ไม่ใข่เจว็ด หรือมีหน้าที่เพียง พิธีการ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่ในความเป็นประมุขอย่างแท้จริง ดังนั้น การ“ห้าม”หรือ “จำกัด” อำนาจหน้าที่ของพระมหากษัตริย์จึงไม่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยเจตนารมย์ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
แม้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และอยู่เหนือการเมืองก็ตาม
พระมหากษัตริย์ต้องทรงพระราชอำนาจในความเป็นประมุขที่ต้องจรรโลงรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติและความผาสุกของประชาชน โดยไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมืองใดใด เพราะท่านมิได้เป็นพวกใดฝ่ายใดทั้งสิ้น แต่ต้องมิให้การเมืองที่ไม่ชอบธรรมทำลายประโยชน์สุขของชาติบ้านเมืองและประชาชนโดยรวมได้
หากเรามุ่งประสงค์ให้ชาติบ้านเมืองเราดำเนินไปตามทำนองคลองธรรมของสังคมธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง เราคงไม่อาจคาดหวังให้นักการเมือง พรรคการเมือง นายทุนขุนศึกใดปฏิรูปบันดาลสร้างระบอบนี้ให้เราได้
หากแต่ความหวังเดียวที่อาจเกิดขึ้นได้ ต้องมาจากและนำโดยพระมหากษัตริย์ สถาบันซึ่งเป็นศูนย์รวมใจหนึ่งเดียวของคนทั้งชาติโดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายและไม่เป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่ว่า ทหาร ข้าราชการ นายทุน ขุนศึก นักการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
พระมหากษัตริย์ ต้องร่วมมือกับประชาชน ด้วยวิถีราชประชาสมาสัย หมายถึง
พระมหากษัตริย์ และประชาชนอาศัยซึ่งกันและกัน ประชาชนก็เชื่อมั่น มุ่งหวังและพึ่งหวังให้พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทยผ่านกลไกต่างๆแทนประชาชนและเพื่อประชาชน
พระมหากษัตริย์ ดำรงคงอยู่เพื่อประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวมเพื่อความมั่นคงยั่งยืนวัฒนาสถาพรตลอดไป