วันที่ 6 ก.พ. 2567 เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมเกียรติ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ถ.แจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย และ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 แถลงความคืบหน้าคดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นายประยุทธ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดี การกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม เป็นผู้กล่าวหา และ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องหา ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทย เกี่ยวพันกัน อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยคณะทำงานพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง เนื่องจากเป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำนอกราชอาณาจักรไทย เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดรับผิดชอบดำเนินคดี
นายประยุทธ กล่าวอีกว่าร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดขณะนั้น วันที่ 19 กันยายน 2559 หลังตรวจพิจารณาสำนวนแล้ว มีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายทักษิณ ตามข้อกล่าวหา แต่ขณะนั้นผู้ต้องหาหลบหนี อัยการสูงสุดจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งคดีนี้จะขาดอายุความวันที่ 21 พ.ค. 2573
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณ ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และถูกควบคุมตัว เพื่อรับโทษในคดีอาญาเรื่องอื่น โดยพนักงานสอบสวนได้นำหมายจับไปแจ้งอายัดผู้ต้องหาไว้กับกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
ต่อมาวันที่ 17 มกราคม 2567 นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์ และข้อเท็จจริงทางคดีให้กับ นายทักษิณ ทราบ แต่ปรากฎว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด
โดยอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวน และหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาให้กับพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีประกอบสำนวน เพื่อส่งให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา และทำความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุด เพื่อพิจารณามีความเห็นและคำสั่งทางคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งอายัดตัว นายทักษิณ ไว้กับทางกรมราชทัณฑ์ตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
ส่วนแนวทางการอายัดตัวของ นายทักษิณ ภายหลังถูกจับตาว่าจะมีการพักโทษกรณีพิเศษ ผ่านการใช้สิทธิผู้ต้องขังสูงอายุ และมีโรคประจำตัว จะมีผลในต่อการอายัดตัวในคดีนี้หรือไม่นั้น น่ยประยุทธ กล่าวว่า ก่อนที่ นายทักษิณ จะได้รับการพักโทษ กรมราชทัณฑ์ต้องแจ้งพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนจะใช้ดุลพินิจ ว่าจะอายัดตัว นายทักษิณ ไปฝากขังตามเงื่อนไข หรือพิจารณาปล่อยตัว โดยมีเงื่อนไข แต่ระหว่างการปล่อยตัวดังกล่าว นายทักษิณ ต้องไปรายงานตัวในคดีที่ได้รับการพักโทษ
ทั้งนี้ หากไม่ไปรายงานตัว พนักงานสอบสวนสามารถออกหมายจับได้อีก โดยยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน กระบวนการยุติธรรม ตั้งอยู่บนหลักฐาน และข้อเท็จจริงทางคดี ไม่ต้องกังวล เป็นกระบวนการปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเรา
สำหรับกรณี นายทักษิณ ยื่นขอความเป็นธรรมหลังมีการเข้าแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 จะมีผลต่อการพิจารณาคดีหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกับการพิจารณาคดี สามารถทำควบคู่กันได้ มีแนวทางการพิจารณา 3 แนวทาง คือ 1.สั่งฟ้อง 2.สั่งไม่ฟ้อง 3.มีเรื่องที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม จึงยังไม่สั่งฟ้อง
ส่วนเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 ที่มีการเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับ นายทักษิณ เป็นการขึ้นไปชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ ประยุทธ เผยว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน