ข่าวประจำวัน » จะนิรโทษพวกพ้อง ! ก้าวไกล ประกาศจะใช้สภาเป็นเครื่องมือ

จะนิรโทษพวกพ้อง ! ก้าวไกล ประกาศจะใช้สภาเป็นเครื่องมือ

20 January 2024
284   0

19 ม.ค. 2567 – นายวีรนันท์ ฮวดศรี สส.ขอนแก่นพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง หลังเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผานมา ศาลจังหวัดเชียงรายอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ลงโทษจำคุก นายมงคล ถิระโคตร หรือ บัสบาส นักกิจกรรมในจังหวัดเชียงราย เป็นเวลารวม 50 ปี

โดยนายวีรนันท์ กล่าวว่า โทษจำคุก 50 ปี ถือเป็นโทษสูงสุดที่ศาลได้พิพากษาความผิดตามมาตรานี้

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะหารือเพื่อหาทางออกของปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคดีที่อยู่ในศาล หลายคดีที่อยู่ชั้นตำรวจ และอีกหลายคดีที่จบไปแล้วนั้น มูลเหตุจูงใจของการกระทำมาจากมูลเหตุทางการเมือง เมื่อปัญหาเกิดขึ้นจากมูลเหตุทางการเมือง เราก็ควรใช้การเมืองคลี่คลายและหาทางออกของสถานการณ์นี้ เป็นโอกาสเหมาะที่จะนำวาระเรื่องนี้เข้ามาถกเถียงในพื้นที่แห่งการพูดคุยนั่นคือพื้นที่ของรัฐสภา

ก่อนหน้านี้ ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 หลายพรรคมีความเห็นเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง ซึ่งขณะนั้นโดยหลักการมองไปทิศทางเดียวกัน ตนจึงขอย้อนเตือนความจำและฝากคำถามไปยังพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาล 2 ข้อ ว่า 1.จะเอาอย่างไรกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม เพื่อตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจะยื่นหรือไม่ และ 2.หากยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจะยื่นเมื่อไรและมีแนวทางต่อเรื่องนี้อย่างไร

นายวีรนันท์ กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะพูดคุยเรื่องการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองอย่างจริงจัง และใช้พื้นที่สภาฯ ร่วมกันพิจารณากฎหมายเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น เนื่องจากการตัดสินโทษที่เกิดขึ้นถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง

“ผมและพรรคก้าวไกลยังคงรอ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองจากทางพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลที่จะยื่นเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเนื้อหารายละเอียด และถอดสลักความขัดแย้งทางการเมืองไทยไปด้วยกัน” นายวีรนันท์ กล่าว

นายวีรนันท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่อาจทนเห็นผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกต้องเดินเข้าคุกและจากไปทีละคน และหากไม่มีความชัดเจนเรื่องการนิรโทษกรรม เมื่อวันนั้นมาถึงก็สายเกินกว่าจะมาคุยกันในเรื่องนี้แล้ว.